คุณแน่มาก แน่จริงๆ

ผมขอคาระวะท่านเจ้าของรถยนตร์คันนี้ ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ผมขอคาระวะท่านด้วยใจจริงในความกล้าหาญของท่าน ท่านแน่กว่า ไอ้คางคก ไอ้ลิงบาบู ที่เค้าลือกันว่าไม่รู้ว่าพ่อคือใคร ที่ไม่สนใจว่าชาติจะย่อยยับแค่ไหน ขอให้ตูรวยเป็นพอ

 

หนึ่งคนยอมสละชีวิต   เพื่อปกป้องประเทศชาติ

แต่หลายคนกำลังทำลายชาติ เพื่อปกป้องคนหนึ่งคน

สิ่งที่พ่อพูด ทำให้เราร้องไห้

แนวร่วมของบล็อกได้ส่งเรื่องนี้มาให้ ผมอ่านแล้วน้ำตาไหล หลังจากตั้งสติได้แล้ว อยากให้คนไทยทุกๆคนอ่าน  อ่านแล้วขอให้พิจารณา พระราชดำรัสของท่าน และลองตอบคำถามของท่านซิว่าทำไม  ผมลองมานั่งคิดสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้แล้วลองเขียนออกมาสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุ ผมก็ไม่สามารถเขียนออกมาได้เลย ผมมานั่งย้อนอ่านอีเมล์ของบรรดาสาวกเสื้อแดงที่เขียนด่าผมมามากมาย ว่ามีเรื่องใดบ้างที่เป็นเหตุผลทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจไปสูฮกไอ้แม้ว สิ่งที่พวกมันเขียนด่าผมมาล้วนเป็นคำหยาบคายที่ระบายอารมณ์มาที่ผมทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสารหรือมีเหตุมีผลแต่อย่างใด ผมอยากจะสรุปว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะการชี้นำและล้างสมองที่เป็นขบวนการของไอ้แม้ว ที่ต้องการล้างแค้นประเทศไทย  ต่อไปนี้โปรดอ่านเรื่อง สิ่งที่พ่อพูดได้ครับ

แพทย์ผู้ที่รับใช้ใกล้ชิด ได้เล่าให้ฟังว่าภาพที่พ่อนั่งเหม่อลอยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเวลานานเหมือนจะ ร้องไห้นั้น ณ.ที่ตรงนั้นกับเวลาที่ยาวนานพ่อพูดออกมาประโยคเดียวว่า

“เราไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำหรือ คนไทยเหล่านั้นถึง

ได้โกรธ/เกลียดเราขนาดนี้”

ผู้อยู่ใกล้ชิดพ่อน้ำตาไหลพรากเพราะสงสารพ่อที่ทำทุกอย่างทั้งชีวิตพ่อเพื่อ คนไทยมาตลอด โปรด ส่งต่อด้วย ส่งให้ทุกคนรับรู้

ความรู้สึกของพ่อ เราอยากบอกพ่อว่า เรารักพ่อที่สุด คนไทยไม่มีใครเกลียดพ่อ

สงสารพ่อ พ่อร้องไห้

รักพ่อค่ะ

“ไทยนี้รักสงบ”

เมื่อท่านอ่านแล้วผมอยากให้ท่านช่วยส่งต่อๆๆไปให้เพื่อนๆท่านให้มากที่สุดด้วย

เปิดใจคนทำมาหากินที่พวกเสื้อแดงรังแก

ถูกต้องอย่างที่สุดของผู้ที่ถูกรังแกอย่างไม่มีทางสู้

เธอไปเกี่ยวข้องอะไร ทำไมต้องมารังแกคนทำมาหากินเหมือนกัน คุณถือสิทธิอะไร

ทำไมไม่ไปเผาบ้านนักการเมืองด้วยกัน (ถึงแม้จะไม่ถูกต้องก็ตาม)

มันไอ้พวกขี้แพ้ชวนตี กูไม่ได้อยู่ในประเทศไทย พวกมึงก็อย่ามีความสุขเลย ( มันสัตว์นรกที่ไหนมาเกิด )

ชมแล้วจะทำอะไรต่อก็คิดกันเองครับ ผมไม่อยากจัดตั้งม็อบไปไล่เผาบ้านไอ้พวกสัตว์นรก แต่ถ้าบังเอิญฟ้าผ่าลงมาที่บ้านมัน หรือ พายุหอบเอาขวดเอ็ม 150 ใส่นำมันที่มีไฟกำลังลุกปลิวไปตกบ้านมัน หรือมีรถยนตร์แหกโค้งไปชนบ้านมันจนไฟลุกท่วมบ้าน ผมจะไม่ดีใจจนออกนอกหน้า

ประเทศไทยไม่ดี ทำไมไม่ไปอยู่ประเทศอื่น

ผมฟังคำพูดดีๆของคุณพงษ์พัฒแล้วต้องขอปรบมือให้ ดัง ดัง  เป็นเรื่องที่ถูกต้องมากๆ ถ้าเมืองไทยไม่ดี ก็ออกไปอยู่ประเทศอื่นได้ ไม่มีใครห้าม ประเทศไทยนั้นมีมาก่อน ปู่ ของปู่ ของปู่ เราเกิดด้วยซ้ำไป ถ้ามันไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้ามันไม่ดี ออกไปซิ ออกไปอยู่เขมร พม่า ลาว เวียดนาม อาฟาริกา หรือไม่ก็เมืองนรก ใครขอให้มึ.มาทนอยู่ ผมขอนำคลิบของคุณพงศ์พัฒมาให้ทุกท่านดูอีกครั้ง

.

.

ประเทศไทยเป็นของกู ของพ่อกู ของปู่กู กูจะปกป้องจากไอ้พวกจัญไร

แค้นนี้ต้องชำระ หรือ เวรต้องระง้บด้วยการไม่จองเวร หรือ .. หรือ ???

ในยุคสมัยที่ลิเกในเมืองไทยยังเฟื่องฟู  ลิเกนิยมตั้งชื่อเรื่องที่จะเล่นในแต่ละตอน หลายๆชื่อ เช่นจะเล่นเรื่องจันทโครพ ก็จะประกาศว่า วันนี้จะแสดงลิเก เรื่อง “จันทโครพ” หรือ “นางในพระอบ” หรือ “ชะนีหาผัว” หรือ “โมราสองใจ”…. ผมก็เดาไม่ถูกว่ามีความเป็นมาอย่างไร

ที่ผมยกเรื่่องลิเกชึ้นมา ก็เพราะสถานะกำรณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน มันคล้ายกับลิเกในสมัยก่อน ว่ารัฐบาลกำลังเล่นอะไรอยู่  จะเล่นเรื่อง “แค้นนี้ต้องชำระ” โดยมีคุณ สุเทพ กับ คุณอนุพงศ์เป็นตัวเอก หรือจะเล่นเรื่อง “เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวร” โดยมีท่านนายกเป็นตัวเอก หรือจะเล่นเรื่อง “ต้อนเอี้ยลงรู” โดยมีไอ้สามเกลอหัวขวด ไอ้ขี้ ฯลฯเป็นตัวโกง หรือจะเล่นเรื่อง “นางหน้าสาละเปาหย่าศึก” โดยมีน้องสาวหน้าสาละเปาเป็นนางเอก มันสับสนประชาชนไปหมด มันทำให้ประชาชนที่ถูกจับเป็นตัวประกันเดือดร้อน โกรธความหน่อมแน่นมของนายกรูปหล่อเหลือเกิน สมันคุณชวนเป็นนายก ประชาชนก็บอกว่าคุณชวนเชื่องช้า  มาถึงนายกอภิสิทธิยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ผมอยากจะบอกว่าคุณอภิสิทธิ์ “เสื่องซึม” ถ้าหากจัดการกับเสื้อแดงที่เพิ่งก่อความปั่นบ่วนยิงตำรวจตายอีกสองคน ยิงประชาชนบาดเจ็บอีกเป็นสิบคนเมื่อคีนวันที่ 7 เมย.นี้ไม่ได้ละก็ ผมอยากจะแนะนำให้ท่านไป “ล้างส้วมดีกว่า”

ผมขอย้อนกลับมาที่ประชาชนคนรักชาติที่มีแค่หนึ่งสมองสองมือที่รวมกำลังเป็นแนวร่วมต่างๆ คงต้องออกมาแสดงพลังให้มากขึ้น ให้เข้มข้นขึ้น ในการคว่ำบาตรทางธุรกิจของทั้งตระกูลชิน และทุกตระกูลที่ให้การสนับสนุนเสื้อแดงครั้งนี้ ให้หนักมือยิ่งขึ้น เพราะเราพึ่งรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้แล้ว  เพราะนั่งรอดูมาเป็นเดือนแล้วไม่รู้ว่าท่านกำลังจะแสดงเรื่องอะไรกันแน่

หวังว่าท่านทั้งหลายคงยังจำภาพนี้ได้ไม่ลืม

พวกเราคงต้องช่วยกันออกมาแสดงเรื่อง “ตัดท่อน้ำเลี้ยง ให้ตัวเอี้ยมันแห้งตาย”  โดยมีประชาชนเป็นแสนเป็นล้านคนที่ไม่เอาทักษิณเป็นตัวเอกนำแสดงโดยด่วนแล้วครับ   ขอทุกท่านช่วยกันทั้งรณรงค์ให้มีคนร่วมขบวนการนี้มากๆๆอย่างเร่งด่วนด้วย  ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ช่วยกันได้ทั้งนั้นครับ

ไม่ต้องรอท่านนายกเสื่องซึม ท่านหรอกครับ


เรามาเล่นเรื่องแค้นนี้ต้องชำระอย่างสันติดีกว่าครับ

D

ขำ ขำ ครายเครียด ก่อนพายุใหญ่จะมา

ระหว่างที่ทุกอย่างกำลังอึมครึม  ผมเอารูปขำๆมาให้

หัวเราะกันก่อนที่…..

ไม่ต้องห่วงผมนะครับ ผมมีท่านทูตดูแลอย่างดีและให้ที่พักในโลกของท่านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

0

ผลการโหวตสั้นๆง่ายๆ

ผมเชื่อว่าพวกเราหลายๆท่านคงเคยเห็นสิ่งที่แนวร่วมประชาชนผู้รักชาติได้จัดทำการโหวตขอฟังประชามติ ที่ตั้งชื่อว่า

“โหวตกันสั้นๆง่ายๆเอาหรือไม่เอาทักษิณ”

ดังหน้าตาของจอการโหวตที่เห็นด้านล่างนี้

@oneplanme
OnePlan.ME (Montreal, Canada)
6 followings | 27 followers | 38 tweets | 2 Twtpolls | 3 votes

OnePlan is a simple task management/ auto-scheduling tool to get you organized more efficiently without the overhead!

Twitter/Follow
Twitter/Follow
Website
Website
Other Twtpolls
Other Twtpolls
TwtBizCard
TwtBizCard

Share: Twitter | Facebook | Google Buzz | or use lin

@lantom

มาโหวตกันสั้นๆง่ายๆ – เอาทักษิณ หรือ ไม่เอาทักษิณ ?
By @lantom | Twtpoll created more than 2 months ago

A – เอาทักษิณ – Yes to Taksin

B – ไม่เอาทักษิณ – Say No to Taksin

or see results


หลังจากดำเนินการโหวตมาประมาณสองเดือน ผมการโหวตก็ออกมาดังนี้
จำนวนคนที่มาออกเสียงโหวต = 103,315 ราย

เอาทักษิณ                                     =  7,191 ราย    คิดเป็น    6.96  %

ไม่เอาทักษิณ                      = 96,124 ราย   คิดเป็น   93.04%
ข้อสังเกตุของการโหวตนี้ ผู้ที่เข้ามาโหวตจำนวนเป็นแสนรายนี้ จะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี่ อินเตอร์เน็ต ที่เคยมีการสำรวจว่ามีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในเมืองไทยประมาณ 10 ล้านคน และส่วนใหญ่อยู่ในเขตเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพและปริมณฑล ตลอดจนหัวเมืองขนาดใหญ่  ซึ่งหมายความว่าผู้คนเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่แท้จริงของไอ้คนโกงชาติ และมีส่วนน้อยไม่ถึง 7% ที่จะมีความเห็นแตกต่างไป
หากพวกชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ในต่างจังหวัดได้มีโอกาศแสดงความคิดเห็น  เปอร์เซ็นข้างต้นนั้นคงจะเปลี่ยนแปลงไป  เพราะคงจะมีส่วนน้อยที่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน เนื่องจากการทุจริตของไอ้แม้วนั้นมันยอกย้อนมากยากที่จะเข้าใจ แม้กระทั่งขบวนการยุติธรรมเองก็ใช้เวลานานกว่าจะตามมันทัน  ส่วนข้อมูลของไอ้แม้วที่ถูกถ่ายทอดไปยังชาวบ้านในชนบทจากขบวนการของไอ้แม้วก็เป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือนไปจากที่เป็นจริง  จนฝังหัวไปแล้วว่าความเท็จคือความจริง
ผมเห็นว่าการโหวตครั้งนี้เป็นประโยชน์และสะท้อนภาพอย่างแท้จริง  ซึ่งผมเชื่อว่าผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ (ถ้าหากมีโอกาศที่จะเกิดขึ้น) ก็จะสะท้อนภาพรวมของทั้งแผ่นดินและจะเห็นความแตกต่างของคนในเมืองและคนในชนบทอย่างแท้จร้งเช่นเดียวกัน

ขอน้ำใจ ขอเวลา ขอ…ให้ทหารตรงหน้าต่างบานนั้น

เรื่องต่อไปนี้เป็นข้อเขียนที่แนวร่วมส่งมาให้ช่วยเผย

แพร่

ก่อนที่ท่านจะเห็นภาพกับข้อความข้างล่างนี้

ขอเรียนให้ทราบว่า เวลานี้ยังมีทหารอีกประมาณ 51นาย
ที่ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏ ยังกลับบ้านไม่ได้
อาการคือ ถูกกระทืบจนน่วมไปทั้งตัว ทหารเหล่านั้นอายุ20กว่าก็มี อายุมากก็มี
ใครกระทืบ????? เราคงคิดได้ นอกจากว่า พวกที่หนับหนุนแดง
ที่ยังพูดเป็น อมตะกันเสมอว่า อภิสิทธิ์สั่งฆ่า สั่งทำ
เขามักจะคิดตรงข้ามกับเรา

จาก: i Care ゙♡゙ ゙♡゙ <
ขอน้ำใจ ขอเวลา ขอ…ให้ทหารตรงหน้าต่างบานนั้น

หน้าต่างวิเศษชั้นนี้ พวกผมคอยจรดจ้องมอง…………


กุ้งขอให้กระจายข่าวสารนี้ถึงเพื่อนไทยหลากสี ทหารผู้ปกป้องชาติให้เราไม่ขออะไรมากเลย เพียงแต่ทุก๔โมงเย็น ถึง๖โมงเย็น ภาพประชาชนรวมใจ

หน้าต่างวิเศษโรงพยาบาลเปิดห้วงเวลาเก็บความประทับใจจากคนไทยให้กันและกันค่ะ ส่งตรงถึงทหารผู้บาดเจ็บ วันนี้ไม่เป็นความลับอีกแล้ว หากเป็นเรื่องง่ายที่พวกเราทำได้ง่ายๆค่ะ

กุ้งขอให้เพื่อนในเอ็มบล๊อคช่วยลิงค์กระจายข่าวสารนี้ไปเฟสบุ๊คด้วยค่ะ ….เพราะกุ้งทำไม่เป็น

กุ้งขอตัวหนังสือฝากกลับไปให้พี่น้องทหาร ที่ตั้งตารออ่านตัวหนังสือจากเอ็มบล๊อกและเฟสบุ๊ค ยิ่งมีตัวหนังสือมาก นั่นคือยาที่วิเศษที่สุดค่ะ ทหารที่โรงพยาบาล ทุกคนสามารถ เก็บกระดาษที่เต็มไปด้วยชาวไทยอินเตอร์เนทพิมพ์ข้อความคืนฝากให้พี่น้องทหารไว้อ่านได้ทั้งชีวิตค่ะ




รูปสวยๆจากกลุ่มคนเสื้อหลากสีที่รักชาติ-2

จากที่ได้รวบรวมรูปสวยๆจากการชุมนุมของบรรดากลุ่มคนเสื้อหลากสีมาให้ท่านชมไปแล้ว ปรากฎว่ามีผู้สนใจเข้าชมมาก ผมเลยรวบรวมรูปชุดที่สองขึ้นมาให้ท่านชมกันเต็มๆอีกชุดเชิญชมได้ครับ

ป่าน–อัจนา สารคุณ

แก้ม–จุฑามาศ

โบว์ –วัลลภา จรงพรสวัสดิ์

ขอขอบคุณหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่ช่วยนำรูปสวยๆมาลงไว้ให้พวกเราดู

ข้าพระพุทธเจ้าขอปกป้องพระองค์ท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ผมได้รับข่าวนี้มาเมื่อวานนี้ คิดอยู่นานว่าจะตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนก่อน แล้วจึงจะนำขึ้นบล็อกดีไม๊? แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลยืนยัน

ก็เลยตัดสินใจว่าเราเตรียมพร้อมไว้ก่อน ดีกว่าเสียใจภายหลัง หากไม่เกิดจะดีที่สุด หากเกิด พวกเราก็พร้อมจะออกไปปกป้องพระองค์ท่าน จึงตัดสินใจนำมาเผยแพร่ และขอให้ทุกท่านช่วยส่งต่อกันไปให้มากที่สุด โดยเฉพาะท่านที่อยู่ใกล้ๆร.พ. ศิริราช

ด่วนที่สุด

 


ได้รับแจ้งข่าวจากผู้ใหญ่ที่พวกเรานับถือว่า บิ๊กจิ๋วจะนำมวลชนไปที่ รพ.ศิริราช โดยยังไม่ทราบวันเวลาที่แน่นอน ขอแจ้งให้พวกเราที่จงรักภักดีพร้อมที่จะปกป้องสถาบันอันสูงสุด คอยฟังข่าว!
ทันทีที่ทราบข่าวภายใน 1 ชม. ให้ออกมาพร้อมกันที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ด้านฝั่งธนบุรี อย่าลืมบอกข่าวนี้ต่อๆ กันให้พวกเราทราบให้มากที่สุด

ขอให้ท่านที่ได้รับข้อมูลและอยู่ใกล้โรงพยาบาลศิริราช เตรียมตัวให้พร้อมและส่งข้อมูลมายังบล็อกนี้ว่าจะติดต่อท่านในกรณีเร่งด่วนได้อย่างไร?

 

28 เมย. 53

ผมได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมาจากอีกท่านหนึ่งที่เชื่อถือได้ ที่กรุณาส่งแผนการละเอียดของมันมาให้ ท่านอ่านแล้วท่านจะทราบทันทีว่าเมื่อใดที่ท่านควรจะเดินทางไปรอที่สพานพระปิ่นเกล้า โดยไม่ต้องฟังสัญญาณแจ้งข่าว

เปิดโปงแผน“ทักษิณ”! สั่งหน่วยติดอาวุธ ‘เผา-ทำลาย’-เดินทัพมุ่งศิริราช
“เกมรบ” ทหาร-เสื้อแดง ได้มาถึงจุดขมวดเกมใกล้จบ! เปิดแผน 5 ขั้น เกม“ทักษิณ” ปลดล็อคตัวเองแลกยุติม็อบแดง ขณะที่แกนนำเสื้อแดงยั่วทหารล้อมปราบ หวังนองเลือด ใช้ศพแดงแห่มุ่งไปรพ.ศิริราช เพื่อวอนขอในหลวงให้ยุติความขัดแย้งทางการเมืองหลัง “บิ๊กจิ๋ว”เปิดทางไว้แล้ว แหล่งข่าวความมั่นคงซัดเสื้อแดงเหิมเกริมหนัก กระทำการมิบังควร เชื่อเป็นกระบวนการหนึ่งในขบวนการล้มเจ้า ขณะที่ทหารเตรียมเอาจริง “จับตาย” ไอ้โม่งชุดดำ!
ท่าทีที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของฝ่ายทหารในการควบคุมดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง จากฝ่ายที่คอยคุ้มกันดูแล มาเป็นฝ่ายพร้อมใช้มาตรการรุนแรงทันทีโดยให้ทหารติดอาวุธพร้อมยิง หากมีการยึดรถถัง อาวุธ และมีการเคลื่อนขบวนไปปิดถนนสายเศรษฐกิจอย่างถนนสีลมในเวลานี้นั้น กล่าวได้ว่าไม่ได้ผิดจากความคาดหมายของกลุ่มคนเสื้อแดงเลย ขณะเดียวกันกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงยังหวังว่าการล้อมปราบของทหารจะยิ่งทำให้การต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ชัยชนะมาในที่สุด ฉะนั้นในเวลานี้ทันทีที่ถูกทหารล้อมปราบ กลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงก็พร้อมเดินหน้าแผนปฏิบัติการ 5 ขั้นทันที!

เตรียมกองกำลัง

ลับแดงพร้อมรบ

แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า นโยบาย 3 ประสาน หรือแก้ว 3 ประการของกลุ่มคนเสื้อแดง คือ พรรค มวลชน และกองกำลังติดอาวุธ มีความชัดเจนมาก จนขณะนี้ และพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าเกมการต่อสู้เข้าสู่ความรุนแรงเต็มที่ทั้งบนดินและใต้ดิน โดยอาศัยมือของกองกำลังลับติดอาวุธเป็นคนสร้างสถานการณ์ปั่นป่วน วุ่นวาย

โดยกองกำลังลับติดอาวุธ หรือกลุ่มคนชุดดำที่มาช่วยกลุ่มม็อบเสื้อแดงนั้น เป็นกลุ่มอดีตทหารพราน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มชุมชนร่มเกล้า กรุงเทพมหานคร กลุ่มชมรมทหารพรานเก่าที่วังน้ำเขียว และกลุ่มชมรมทหารพรานเก่าค่ายปักธงชัย โดยมีการฝึกใช้อาวุธสงครามเป็นหลัก โดยการฝึกจะอยู่ในอาณาเขต 3 เขตสำคัญคือ ปักธงชัย -สี่คิ้ว -ปากช่อง ซึ่งมีจุดฝึกสำคัญที่สุดอยู่ที่ ชุมชนโคราชพัฒนา 2 โดย ส.ส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่เป็นคนส่งท่อน้ำเลี้ยงให้

ปัจจุบันมีการฝึกกองกำลังลับมาแล้ว 2 รุ่น รุ่นละ 300 คน ซึ่งได้กระจายกำลังออกตามหน้าที่เป็น 3 กลุ่มคือ 1.เป็นกำลังรอเรียกใช้อยู่ในค่ายทหารปราจีนบุรี 2. แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง และ 3.กลุ่มก่อความไม่สงบในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพื่อวางระเบิดป่วนเมือง นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวทางลับมาว่า ขณะนี้กำลังมีการฝึกกองกำลังลับรุ่นที่ 3 ไม่ทราบจำนวนที่ชัดเจนด้วย

“ความน่ากลัวคือ คนจำนวน 300 คน ถือว่ามากพอๆกับ ทหาร 2 กองร้อย เพราะกองร้อยหนึ่งประกอบด้วยกำลังพลกองร้อยละ 150 คน ตอนนี้เขาฝึกกองกำลังติดอาวุธออกมามากกว่าแค่เห็นในเหตุการณ์ความวุ่นวายในวันที่ 10เมษายนอย่างมาก และคนพวกนี้พร้อมแล้วที่จะปฏิบัติการในแผนจรยุทธ์ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด คือถ้ากรุงเทพฯมีปัญหาก็พร้อมเดินแผนจรยุทธ์ในต่างจังหวัดทันที”

นอกจากนี้ แหล่งข่าวใกล้ชิดพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เปิดเผยว่า ถ้าพิจารณาให้ดีขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้สู้กับรัฐบาลโดยตรง แต่เป็นการสู้กับทหาร ซึ่งการสู้กับทหารก็จำเป็นต้องใช้หลักวิธีคิดของทหารเข้ามาสู้ ซึ่งขณะนี้ก็ใกล้ถึงจุดจบแล้ว เพราะฝ่ายเสื้อแดงได้ดำเนินการตามทฤษฎี 3 ขั้นตอนคือ

ขั้นตอนที่ 1 ต้องมี แก้ว 3 ประการ ประกอบด้วย พรรคคือ พ.ต.ท.ทักษิณ,มวลชน คือ กลุ่มคนเสื้อแดง และกองกำลังติดอาวุธคืออดีตทหารพราน

ขั้นตอนที่ 2ต้องมีอำนาจการรบแบบมีตัวตน และไม่มีตัวตน อำนาจการรบแบบมีตัวตนคือ มีอาวุธสงครามพร้อมมือ อำนาจการรบแบบไม่มีตัวตนคือ ขวัญและกำลังใจ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงมีพระสงฆ์ และทีมงานฮาร์ดคอร์ เช่น เสธ.แดงที่ไปปรากฎตัวในม็อบ ได้สร้างความมั่นใจและความฮึกเหิมให้กลุ่มคนเสื้อแดงอย่างมาก และ

ขั้นตอนที่ 3 คือ talk and war คือเจรจา พร้อมกับทำสงครามไปพร้อมๆกัน

โดยทั้ง 3 ขั้นตอนถือว่าทางกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงได้ปฏิบัติการตามทฤษฎีมาเสร็จสิ้นแล้ว ต่อจากนี้ไปคือต้องคิดว่าทำอย่างไรจึงจะชนะทหารได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งจะกระทำโดยไปรบกันตรงๆ คงทำไม่ได้ จะต้องรบกันในทางใต้ดินเท่านั้น

ยึด“สีลม-เยาวราช”

แยกกองกำลังทหาร

โดยปฏิบัติการนี้จะใช้กลุ่มนปช.เป็นคนเดินเกมหลัก ในระดับมวลชน แกนนำคนเสื้อแดงจะต้องควบคุมไม่ให้มวลชนมีการก่อความไม่สงบโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการเอาปืนมายิงทหาร หรือ เผาสถานที่สำคัญๆ รวมถึงการเผารถไฟฟ้าใต้ดินให้ได้ เพราะหากมวลชนคนเสื้อแดงเป็นผู้ใช้ความรุนแรง สังคมก็จะไม่ยอมรับการกระทำดังกล่าวทันที ส่งผลให้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงต้องแพ้อย่างไม่เป็นรูป เหมือนเมื่อเมษายนปี 2552

จากนั้น แกนนำคนเสื้อแดงจะเริ่มใช้ ยุทธวิธีแยกกองกำลังทหาร กล่าวคือ การประกาศว่าจะไปยึดถนนสายสำคัญๆทางเศรษฐกิจของไทย เช่น สีลมนั้น ตามความเป็นจริงแล้ว หากมีการยึดถนนสีลมได้ ก็จะเป็นแรงกดดันต่อรัฐบาลที่ดี แต่ถ้ายึดไม่ได้ สิ่งที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะได้ประโยชน์คือ จะเป็นการแยกกองกำลังทหารไปตามจุดต่างๆ ได้มาก

“แผนแรกคือไปสีลม แต่เมื่อทหารไปยึดสีลมเสียเอง อริสมันต์ก็จะนำมวลชนไปจุดอื่น จุดสำคัญที่แกนนำคนเสื้อแดงมองไว้คือ เยาวราช เพราะเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญอีกแห่งหนึ่ง แต่หากทหารนำกองกำลังไปป้องกันที่เยาวราชอีก ทีนี้ก็จะเป็นผลดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะไปราบ 11 หรือจุดอื่นๆ ที่ภาครัฐคาดไม่ถึงแทน”

ทหารไร้น้ำยา -ถอดใจอื้อ

อย่างไรก็ดี การกระทำดังกล่าวต้องอาศัยกำลังใจของมวลชนคนเสื้อแดงอย่างมาก ซึ่งถือว่าอยู่ในจุดได้เปรียบ และคนเสื้อแดงได้ประเมินแล้วว่าทหารกำลังมีความแตกแยกกันเอง และอ่อนแออย่างมากหลังเหตุการณ์การนองเลือดในเหตุการณ์ 10 เมษายนที่ผ่านมา

“ตอนนี้ทหารมีอย่างมากก็แค่ 3 หมื่นคนไม่ถึงแสนคน กองพันรบเต็มที่ก็มีประมาณ 200 คน จะรวบรวมทหารให้ได้ 3 หมื่นคนก็ต้องมีอย่างน้อย 100-200 กองพันถึงจะพอ ถ้าใช้ 20 กองพันก็มีคนแค่ 6,000 คนเท่านั้น ที่สำคัญตอนนี้พูดได้เลยว่าทหารถอดใจไปแล้วมากถึง 80%”

นอกจากนี้ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ถ้ามองเป็นการรบก็มีการรบแล้ว 4 ครั้ง ได้แก่ที่สวนลุมพินี,สถานีไทยคมลาดหลุมแก้ว,สะพานมัฆวานและล่าสุดที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา-แยกคอกวัว ซึ่งทหารแพ้ทั้งหมด โดยเฉพาะเหตุการณ์วันที่ 10เมษายนก็เป็นความผิดพลาดตามบทเรียนในการรบของทหาร โดยเฉพาะ 2 ประเด็นใหญ่คือ มีการนำกองทัพทั้งกองทัพมาสลายการชุมนุม แต่ลักษณะพื้นที่ที่เป็นซอยแคบ ไม่เหมาะกับการใช้ทั้งกองทัพ และเรื่องเวลา ปกติตามหลักการจะต้องเข้าสลายการชุมนุมก่อนเช้ามืดซึ่งผู้ชุมนุมน้อย แต่กลับทำในช่วงที่มีผู้ชุมนุมมากเป็นต้น

ที่สำคัญ ทหารที่นำออกมาใช้ในการรบครั้งนี้ กองพันทหารม้าที่ 27 รักษาพระองค์ (ม.พัน 27รอ.) (ลาดหลุมแก้ว) กองพันทหารม้าที่1รักษาพระองค์ (ม.1รอ.) (สวนลุมพินี) กองพลทหารราบที่ 2.รักษาพระองค์ (พล.ร.2รอ.) (ตรอกข้าวสาร-โรงเรียนสตรีวิทย์) ซึ่งได้รับบาดเจ็บไปหลายคน และจากการที่รัฐบาลไม่ให้ใช้อาวุธในการป้องกันตัวในวันที่ 10 เมษายน ก็ทำให้ทหารเสียขวัญและกำลังใจ ซึ่งเป็นจุดที่จะทำให้เพลี่ยงพล้ำได้ง่าย เพียงแต่กังวลว่าขณะนี้มีการใช้ทหารราบมาซ่อนอยู่เพื่อปราบปรามหรือไม่

เล่นเกมดึง “ฟ้า” ต่ำ

เทียบพฤษภาทมิฬ

นอกจากนี้ สิ่งที่อยากให้สังเกตคือ ระยะหลัง แกนนำคนเสื้อแดงมิได้พุ่งเป้าไปที่ตัว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีแล้ว แต่กลับพุ่งเป้าโจมตีไปยัง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี,สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก

“แกนนำต้องการทำให้เห็นว่าพล.อ.เปรมลอยตัวหนีปัญหามากเพียงไร เมื่อมีปัญหาพล.อ.เปรมกลับหนีปัญหาไป ก็ไม่มีใครด่าพล.อ.เปรมอีกแล้ว แต่จะให้มวลชนไปวิงวอนขอให้สถาบันช่วยเหลือแทน อย่างน้อย ถ้าไม่มีคำตอบออกมา คนก็จะมีการเปรียบเทียบกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬทั้งคนเสื้อแดงเอง และคนกลางๆในสังคม”

เช่นเดียวกับ แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ที่เปิดเผยว่า การข่าวทางลับของรัฐบาล ขณะนี้กลุ่มแกนนำคนเสื้อแดง เดินเกมดึงฟ้าต่ำอย่างเหิมเกริมมาก และจะมีการทำทุกอย่างให้เกิดการล้อมปราบโดยทหาร เนื่องจากว่า หากมีการล้อมปราบก็จะใช้กองกำลังลับของม็อบเสื้อแดงเข้าสร้างความวุ่นวายอย่างวันที่ 10เมษายนอีก จากนั้นถ้ามีคนเสื้อแดงเสียชีวิต โดยเฉพาะถ้าเป็นการเสียชีวิตของแกนนำ 3 เกลอ จะมีการแห่ศพไปวิงวอนขอให้สถาบันเข้ามาช่วยยุติความรุนแรงทันที

“คราวที่แล้วแห่ศพไปรอบเมือง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เขาต้องการให้คนเสื้อแดงตาย หรือแกนนำ 3 เกลอตายยิ่งดี เพราะถ้ามีคนตาย จะแห่ไปศิริราชทันที นี่คือแผนที่วางไว้ และมีเป้าหมายใหญ่คือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการล้มสถาบัน”

ขณะนี้ประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ต้องเข้าใจแล้วว่าแผนการคือ ทางแกนนำเสื้อแดงต้องการให้มีคนตาย สังเกตเองก็ได้ว่าทำไม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย จึงจัดแถลงข่าวว่าจะไปขอให้สถาบันช่วยยุติปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง เป็นเพราะพล.อ.ชวลิตรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ ว่าจะต้องมีมวลชนคนเสื้อแดงตายจำนวนมาก จึงประกาศเปิดทางไว้ก่อน

“แผนการนี้ชั่วร้ายมาก บิ๊กจิ๋วพูดเพราะอะไร คนอย่างบิ๊กจิ๋วไม่ได้ทำอะไรซื่อๆ แต่มีอะไรในใจไว้แล้ว การก้าวล่วงมากถึงขนาดนี้เป็นเพราะอะไร เป็นการวางแผนไว้อย่างดีอยู่แล้วใช่หรือไม่ จึงเปิดทางขึ้นมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำหนังสือขอเข้าเฝ้าฯมาก่อนด้วยซ้ำ แต่ถึงทำก็เป็นการมิบังควร”

แล้วคำถามคือว่า ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงฟังแล้วหยุดการกระทำต่างๆ ก็เรื่องหนึ่ง แต่ ณ วันนี้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้พร้อมที่จะฟังอะไร เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นเพียงกัดกร่อนให้สถาบันเปราะบางลงไปเรื่อยๆ เท่านั้น

“ประชาชนต้องรู้เกมนี้ ตามให้ทัน กลุ่มคนเสื้อแดงเองก็อย่าไปร่วมเพราะเขาต้องการให้มวลชนตาย อย่าตกเป็นเครื่องมือของเขา ส่วนคนอื่นก็ต้องรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อีกแล้ว ต้องออกมาช่วยกันปกป้องสถาบัน”

สถาปนารัฐไทยใหม่

เป็นเรื่องจริง

ขณะที่ พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าปัญหาไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการเมือง แต่คือปัญหาการก่อการร้ายที่กระทบต่อความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลต้องเด็ดขาด หรือพล.อ.อนุพงษ์ ที่มีหน้าที่โดยตรงต้องเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งหากมีปัญหานายกฯก็ต้องหาผู้ที่เหมาะสมมาแก้ไขแทน

นอกจากนี้ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ยังมองว่า รูปแบบปัญหาได้ขยายวงกว้างกว่าเดิมหลายเท่า และรูปแบบในปัจจุบันนี้ได้ตรงกับข้อเท็จจริงในช่วงแรกของการชุมนุมตามที่คนเสื้อแดงได้ประกาศ สถาปนารัฐไทยใหม่ โดยมีพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.กอ.รมน. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และมีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บัญชาการกองทัพแดง ซึ่งพร้อมในแง่กองทัพ และพรรคเพื่อไทย และมวลชนคนเสื้อแดงที่ครบถ้วนตามหลักตามหลักของแก้ว 3 ประการซึ่งส่งผลกระทบด้านความมั่นคงอย่างสูงเกินว่าที่จะประมาทได้

ดังนั้น ทางออกของภาครัฐ ในการดำเนินการเพื่อป้องปรามจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาด เนื่องจากรูปแบบของกลุ่มผู้ก่อการร้ายค่อนข้างเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะการฝึกกองกำลังลับขึ้น หรือ การว่าจ้างทหารอาชีพ ในการก่อเหตุความรุนแรงดังที่ปรากฎในวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่พอใจต่อกองทัพของทหารระดับล่างบางส่วนหรือผลประโยชน์ที่ถูกซื้อตัวนั่นเอง และเมื่อการปรับโครงการดังกล่าวยังไม่สามารถที่จะยุติปัญหาที่เป็นอยู่ลงได้ ก็อาจจะมีทางออกเหลือไม่มากนัก ในการนำพาประเทศออกจากวิกฤตประเทศตามที่เป็นอยู่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ใน 2 แนวทาง ดังนี้

1.การถวายคืนพระราชอำนาจแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ฉบับ 50 มาตรา 7 ซึ่งบัญญัติว่า ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นตามประเพณีการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งสามารถทำได้โดยรัฐบาลยื่นถวายคืนพระราชอำนาจเพื่อทำการปฏิรูปประเทศในรูปแบบ “ราชประชาสมาสัย” และจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ”ขึ้นเพื่อยุติปัญหาความรุนแรง โดยให้สถาบันพระมหากษัตริย์นำประชาชนและกองทัพทำหน้าที่ควบคุมและดูแลความสงบในการจัดระเบียบประเทศใหม่อีกครั้งก่อนที่จะเกิดความแตกแยกหรือลุกลามถึงขั้นสงครามกลางเมือง ซึ่งวิธีการนี้ อภิสิทธิ์เคยยื่นให้รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ถวายคืนพระราชอำนาจเพื่อแต่งตั้งนายกคนใหม่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ(40) มาตรา 7 นั่นเอง

ขณะที่อีกแนวทางที่มีความเป็นไปได้ก็คือ 2.การทำรัฐประหาร เพื่อยุติปัญหาภายในประเทศครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นวิธีการทีค่อนข้างอันตรายและสุ่มเสี่ยงอย่างมาก แต่ก็ควรเป็นแนวทางที่เป็นทางเลือกสุดท้าย

ปลดล็อค“แม้ว”

แลกเปลี่ยนยุติม็อบแดง

ด้าน รศ.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช กล่าวว่า เหตุการณืนองเลือดทั้งในอดีตและที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต แกนนำคนเสื้อแดงจะผลักภาระไปให้รัฐบาลฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่แกนนำคนเสื้อแดงเองก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ในเมื่อได้ประกาศจะชุมนุมด้วยแนวทางสันติวิธี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแสดงความบริสุทธิ์ด้วยการคัดกรองผู้ชุมนุม หรือ แยกตัวผู้ก่อการร้ายออกจากผู้ชุมนุมให้เหลือเพียงมวลชนซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์เท่านั้น

โดยขณะนี้มองว่าสถานการณ์ทางการเมืองมีแนวโน้มก็จะส่อไปในทางการใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน อีกทั้งมองว่ามีสิทธิที่จะเกิดสูญญากาศทางการเมืองสูงมากในเวลานี้ ได้แก่การทำรัฐประหาร ซึ่งเดินไปตามเกมที่ พ.ต.ท.ทักษิณวางไว้เพื่อปูทางเข้าสู่การเจรจาลับเพื่อต่อรองปลดล๊อกเงื่อนไขต่างๆทั้งการนิรโทษกรรมหรือการต่อรองผลประโยชน์ต่อผู้จะมีโอกาสเป็นรัฐาธิปัตย์ในขณะนั้นเพื่อแลกกับเงื่อนไขการยุติการชุมนุมของคนเสื้อแดง

“การทำประชามติ ควรรีบนำมาใช้ เพื่อที่จะได้มติของประชาชนต่อเรื่องการยุบสภาอย่างแท้จริงเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายฝ่ายมักอ้างถึงการมีมวลชนสนับสนุน รวมถึงเป็นแนวทางที่ปลอดภัยต่อความรุนแรงที่สุด”

ดังนั้น ทางออกที่ยังพอมีความหวัง ก็คือ การทำประชามติ เนื่องจากขณะนี้หากพิจารณาเหตุผลของ 2คู่ขัดแย้งหลักอันได้แก่รัฐบาลและคนเสื้อแดง ก็คือ การอ้างมวลชนซึ่งคนเสื้อแดงอ้างตัวเลขมวลชน 14ล้านคน ขณะที่รัฐบาลก็มีที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ยึดประชาชนเป็นแนวร่วมด้วยกันทั้งสิ้น

ดังนั้น การยกเงื่อนไข “ยุบสภา” ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมเสนอการทำประชามติลงความเห็นโดยประชาชนก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีต่อทุกฝ่ายเนื่องรวมถึงเงื่อนเวลาประมาณ90 วัน ในช่วงการทำประชามตินั้น แต่ละฝ่ายก็สามารถจัดเวทีให้ความรู้และชี้ถึงข้อดี-เสียของการยุบสภาได้ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากหากสามารถลดเงื่อนไขที่นำไปสู่ความรุนแรงได้หรือร้ายที่สุดก็คือ การทำรัฐประหารนั่นเอง

ใช้โมเดลก็อดอามี

จัดการม็อบแดง

อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาถัดจากนี้ไป ประชาชนจำเป็นจะต้องมีการตื่นตัวให้มากขึ้น และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในส่วนของทหารเองนั้น ขณะนี้ก็ได้มีการปรับแผนการต่อสู้ให้เข้มข้นมากขึ้นด้วย

“การขยายพื้นที่การชุมนุม การทำร้ายเจ้าหน้าที่ หรือการยึดอาวุธยุทโปกรณ์ของทหารจะเกิดขึ้นไม่ได้อีกแล้ว แต่รูปแบบการป้องปรามและรับมือยังคงในรูปแบบเบาไปหาหนัก แต่กรณีที่จำเป็นก็อาจต้องใช้สิทธิในการปกป้องรักษาชีวิตของตนเองเช่นกัน ”

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอ.ฉ.) กล่าว พร้อมอธิบายถึงมาตรการทางทหารในการรับมือการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเพื่อมิให้มีการขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังบริเวณอื่นนอกจากย่านราชประสงค์ ซึ่งรูปแบบจะยังคงเป็นการตรึงกำลังทหารเพื่อตั้งด่านสกัดในพื้นที่สำคัญ

รวมถึง การส่งทหารเข้าดูและและควบคุมสถานการณ์บริเวณอาคารสูงเพื่อป้องปราบและยับยั้งกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่อาจแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงในลักษณะการก่อเหตุซุ่มยิง หรือใช้อาวุธสงครามดังเช่นเหตุการณ์วันที่ 10 บริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนินที่ทหารถูกอาวุธเอ็ม 79 ยิงเข้ามาซึ่งการมีหน่วยเฝ้าระวังบนตึก ก็พร้อมที่จะหยุดผู้ก่อการร้ายได้ในทันทีที่พบความสุ่มเสี่ยง

ทั้งนี้ แนวทางการขอพื้นที่คืนยังคงเฝ้ารอโอกาสที่เหมาะสมโดยเฉพาะตัวเลขผู้ชุมนุมที่มีการประเมินว่า สูงสุดอยู่ที่ 20,000 คนในช่วงแรกและในปัจจุบันที่เหลืออยู่ที่ 5,000 คน ซึ่งขณะที่เบื้องต้นยังคงเน้นการป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายและขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังบริเวณอื่นและวางมาตรการขั้นเด็ดขาดไว้จัดการกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงแล้ว

ใบสั่งทหาร“จับตาย”

ไอ้โม่งชุดดำ

อนึ่ง แหล่งข่าววงในทหารกล่าวว่า วอร์รูมของทหารได้เดินหน้าอย่างเข้มข้นในทางลับมาตลอด และนับจากวันนี้ไปทหารจะใช้วิธีแยกน้ำเสียออกจากน้ำดี เพราะมวลชนคนเสื้อแดงเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่กองกำลังติดอาวุธกลับเป็นหนึ่งในขบวนการก่อการร้าย ฉะนั้นเวลานี้มีคำสั่งมาแล้วว่าให้ “จับตาย” กองกำลังลับติดอาวุธให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะต้องใช้แผนการที่เสี่ยงมากเท่าไร โดยยึดกรณีก็อดอามี่ยึดโรงพยาบาลราชบุรีเป็นโมเดล

ทั้งนี้ ยอมรับว่าการปราบปรามการก่อการร้ายที่แฝงอยู่ในมวลชนคนเสื้อแดงเวลานี้ทำได้ยากกว่าการปราบปรามกลุ่มก็อดอามี่อย่างมาก เพราะก็อดอามีเป็นชาวต่างชาติ ที่กระทำการก่อการร้ายโดยตรงไม่ได้มีการตีความ การเข้าชาร์ทเพื่อปราบของทหารเวลานั้นจึงเป็นความชอบธรรม แต่เวลานี้มีผู้บริสุทธิ์รวมอยู่ในม็อบคนเสื้อแดงด้วย จึงต้องปฏิบัติการอย่างแม่นยำที่สุด

 

  • ปฎิทิน

    • พฤษภาคม 2024
      จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
       12345
      6789101112
      13141516171819
      20212223242526
      2728293031  
  • ค้นหา